เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุรินทร์ เหล่าพัทรเกษม อายุ 45 ปี เจ้าของ “ตามสบายรีสอร์ท” หมู่ 2 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร ว่า มีชาวบ้านที่ลงไปจับกุ้งในคลองชุมพร และคนงานของรีสอร์ท ที่ถูกสั่งให้ปรับพื้นที่ริมคลองเพื่อเตรียมจัดงานลอยกระทง พบเหรียญเงินในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นจำนวนมาก จึงประสานไปยัง น.ส.กาญจนา สากระแสร์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชุมพร เพื่อขอให้เดินทางไปร่วมตรวจสอบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เกิดเหตุพบนายสุรินทร์และคนงานของรีสอร์ทประมาณ 10 คน กำลังช่วยกันปรับพื้นที่ริมคลองชุมพรพร้อมกับหาเหรียญ ส่วนในคลองก็มีชาวบ้าน 3-4 คน กำลังงมหาเหรียญดังกล่าวอยู่ โดยนายสุรินทร์ นำตัวอย่างเหรียญกษาปณ์ที่พบมาให้น.ส.กาญจนาและผู้สื่อข่าวดูประมาณ 50 เหรียญ ส่วนใหญ่เป็นเหรียญราคา 5 สตางค์ และเหรียญ 10 สตางค์ ด้านหน้ามีลายนูนต่ำรูปกงจักรและปีที่ผลิตคือ พ.ศ.2422 ส่วนด้านหลังมีคำว่า “๕ สตางค์” “๑๐ สตางค์” “๒๕ สตางค์” “สยามรัฐ” และเจาะรูตรงกลาง ขนาดเหรียญมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร นอกจากนั้น ยังมีเหรียญกษาปณ์ราคา 1 อัฐอีกประมาณ 10 เหรียญ แต่ละเหรียญมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2.5 เซนติเมตร
โดยด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 5 มีข้อความ “จุฬาลงกรณ์ จ.ป.ร.” และ “พระจุลจอมเกล้ากรุงสยาม” ส่วนด้านหลังเป็นรูปพระสยามเทวาธิราช หันหน้าไปทางด้านขวามือ พระหัตถ์ซ้ายถือวัตถุคล้ายหอก นั่งอยู่บนแท่นมีรูปช้างสามเศียร ด้านล่างมีเลขไทย ๑๑๘ ด้านซ้ายมีข้อความ “หนึ่ง” และด้านขวามีข้อความ “อัฐ”
น.ส.กาญจนา เปิดเผยว่า คาดว่าเหรียญเหล่านี้อาจมากับกระแสน้ำในช่วงที่เกิดน้ำหลากและท่วมขึ้นมาริมตลิ่งในจุดดังกล่าว และเหรียญเหล่านี้คือเหรียญสตางค์หรือเหรียญโสฬส ที่ใช้กันในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่วนจุดที่พบจะเป็นเส้นทางเสด็จฯ ของรัชกาลที่ 5 หรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบจากเอกสารที่บันทึกเอาไว้ก่อน
โดยหลังจากนี้ อาจต้องกันพื้นที่ดังกล่าวเอาไว้ เพื่อให้นักโบราณคดีมาตรวจสอบ พร้อมทั้งรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 จ.นครศรีธรรมราชรับทราบ เพื่อขออนุมัติจัดทำประกาศห้ามดำเนินการใดๆ ในบริเวณที่พบโบราณวัตถุ ตามพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มาติดตั้งในบริเวณที่พบโบราณวัตถุเหล่านี้ และอยากขอความร่วมมือชาวบ้านให้หยุดการค้นหาไว้ก่อน ส่วนผู้ที่เก็บรักษาเหรียญไว้ แล้วต้องการจะนำมามอบให้ทางการก็จะรับค่าตอบแทน 1 ใน 3 ของมูลค่าของตามกฎหมาย
