เด็ก 17 ปี สุดทน! พ่อถูกโจรใต้โจมตี 2 ครั้ง เขาจึงขอทำแบบนี้ เพื่อปกป้องพ่อและคนในหมู่บ้าน
สมาชิกเฟสบุ๊ค “ใจบางบาง ใยไหม หญิงในเชิงบวก” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของเด็กชายวัย 17 ปี ที่ถืออาวุธปืนคอยเดินตามปกป้องพ่อของตนเอง ที่มีอาชีพเป็นผู้ใหญ่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
สมาชิกเฟสบุ๊ค “ใจบางบาง ใยไหม หญิงในเชิงบวก” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของเด็กชายวัย 17 ปี ที่ถืออาวุธปืนคอยเดินตามปกป้องพ่อของตนเอง ที่มีอาชีพเป็นผู้ใหญ่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รอดพ้นจากความตายด้วยเงื้อมมือของคนร้ายที่ลอบสังหารอย่างหวุดหวิดถึงสอง ครั้งสองครา…โทษฐานไม่ยอมก้มหัว ซ้ำยังประกาศจุดยืนตรงข้ามกับกลุ่มโจรชัดเจน…ทุกวันนี้ทุกย่างก้าวของเขา จึงเต็มไปด้วยอันตรายอย่างยิ่งยวด
แม้เขาจะรู้ดีว่า…ใครบ้างคือ “มิตร” …ใครกันคือ “ศัตรู” แต่เมื่อเขาอยู่ในที่แจ้ง…ผิดกับโจร ซึ่งซุ่มรอจังหวะอยู่ในที่มืด…โอกาสที่จะ “พลาดท่า” ย่อมมีอยู่แทบทุกฝีก้าว !!!
สภาพชีวิตทุกวันนี้ของผู้ใหญ่กูเฮง จึงต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และต้องระแวดระวังอย่างที่สุด ซึ่งนอกจากลักษณะของบ้าน ซึ่งไม่ต่างจากป้อมปราการแล้วก็ยังต้องมี ชรบ.คอยคุ้มกันอยู่รอบๆ บ้าน 8-10 คน
ฮัมรัน สะอิ หนุ่มน้อยวัย 17 ปี ซึ่งเป็นลูกคนเล็กของบ้าน และกำลังศึกษาใน ร.ร.ศาสน์สามัคคี ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงขันอาสา “คุ้มครองความปลอดภัย” ให้ผู้เป็นพ่อเสมือนเงาตามตัว โดยไม่เกรงกลัวภัย อันตรายที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามจ้องหาโอกาสที่จะลงมืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ฮัมรัน บอกว่า หลังจากพ่อถูกซุ่มโจมตีจนเฉียดตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง เขาจึงเริ่มหัดจับปืนครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของพ่อ ซึ่งต้องออกตรวจตราพื้นที่อยู่ทุกวัน
เขารู้ดีว่า ลำพังความกล้าเพียงอย่างเดียวคงไม่พอที่จะปกป้องชีวิตของผู้เป็นบิดาให้พ้น ภัย อันตรายได้แน่ เพราะวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป และศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่อยู่ในระดับธรรมดา เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังตกเป็นเหยื่อสังเวยความรุนแรงให้เห็นมาแล้ว นับไม่ถ้วน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจเสริมทักษะการป้องกันตัว และการใช้อาวุธจาก “หน่วยรบพิเศษ” นานกว่า 1 สัปดาห์ โดยเป็น “หลักสูตรเร่งรัด” แต่ก็ต้องผ่านการฝึกหนักชนิด “แทบคลานกลับบ้าน” หลังจบคอร์ส
“ผมตั้งใจฝึกหนักชนิดที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เพราะตั้งใจว่าจะดูแลพ่อให้ได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ใช่ได้ชื่อว่ามีโอกาสถือปืน เพราะเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น” ฮัมรัน กล่าวด้วยความมุ่งมั่น
หนุ่มน้อย ซึ่งเป็นทายาทของผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กแห่งบ้านควนลาแม ย้ำว่า ชีวิตของผู้เป็นพ่อทุกวันนี้ยิ่งกว่าแขวนไว้บนเส้นด้าย เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่มีวันรามือแน่
ยิ่งคำประกาศกลางมัสยิดหมู่บ้านของพ่อ ซึ่งเหมือนระบุว่า สิ่งที่ใครบางคนในชุมชนกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอย่าง สิ้นเชิง…มันเหมือนเป็นการ “ประกาศสงคราม” อย่างชัดแจ้ง
“ผมรู้ว่าการแสดงจุดยืนของพ่อยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นไม่เลิกแน่” ฮัมรัน กล่าวด้วยความวิตก
กระนั้น ถึงจะต้องเผชิญกับอันตรายสักเพียงใด แต่ฮัมรันก็พร้อมจะยืนเคียงข้างพ่อเสมอ แม้จะรู้ดีว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอย่างไรบ้าง
“ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่พ่อสอนให้เรารู้จักว่าการใช้ชีวิตภายใต้บัญญัติ หลักศาสนาที่ถูกต้อง และเที่ยงแท้นั้นเป็นอย่างไร” ฮัมรัน แน่วแน่ที่จะสืบทอดปณิธานของผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งฮัมรัน “รู้ซึ้ง” จากประสบการณ์เฉียดตายของพ่อคือคำว่า “เพื่อนแท้” แท้จริงเป็นเช่นไร
“หลายคนในหมู่บ้านถูกชักจูงให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในจำนวนนั้นก็มีเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วย แม้แต่คนที่มายิงพ่อก็รู้จักกันดี วันนี้จึงพอจะนับหัวได้ว่า ใครคือมิตรแท้ของเรา”นอกเหนือจากการคอยระวังภัยให้พ่อแล้ว ทุกวันนี้เขายังร่วมภารกิจลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้านร่วมกับ ชรบ. เพื่อดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเฉพาะในละแวกบ้าน ส่วนในยามว่างจากภารกิจอื่นๆ แล้ว หนุ่มน้อยจะไม่ไปไหนไกลบ้าน เพราะสมาชิกในครอบครัวก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากไม่แพ้กัน
“องค์อัลเลาะห์กำหนดเอาไว้แล้วว่าสิ่งที่กำลังทำขณะนี้เป็นหน้าที่ของบุตร ที่พึงมีต่อบิดามารดาตามหลักคำสอนทุกศาสนามิใช่หรือ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครยอมให้คนอื่นมาทำร้ายชีวิตผู้มีพระคุณเหมือนที่ผมกำลัง ทำอยู่ในทุกวันนี้แน่นอน” ฮัมรัน กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/73121.html
กูเฮง สะอิ ผู้ใหญ่บ้านควนลาแม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รอดพ้นจากความตายด้วยเงื้อมมือของคนร้ายที่ลอบสังหารอย่างหวุดหวิดถึงสอง ครั้งสองครา…โทษฐานไม่ยอมก้มหัว ซ้ำยังประกาศจุดยืนตรงข้ามกับกลุ่มโจรชัดเจน…ทุกวันนี้ทุกย่างก้าวของเขา จึงเต็มไปด้วยอันตรายอย่างยิ่งยวด
แม้เขาจะรู้ดีว่า…ใครบ้างคือ “มิตร” …ใครกันคือ “ศัตรู” แต่เมื่อเขาอยู่ในที่แจ้ง…ผิดกับโจร ซึ่งซุ่มรอจังหวะอยู่ในที่มืด…โอกาสที่จะ “พลาดท่า” ย่อมมีอยู่แทบทุกฝีก้าว !!!
สภาพชีวิตทุกวันนี้ของผู้ใหญ่กูเฮง จึงต้องอยู่อย่างหวาดระแวง และต้องระแวดระวังอย่างที่สุด ซึ่งนอกจากลักษณะของบ้าน ซึ่งไม่ต่างจากป้อมปราการแล้วก็ยังต้องมี ชรบ.คอยคุ้มกันอยู่รอบๆ บ้าน 8-10 คน
ฮัมรัน สะอิ หนุ่มน้อยวัย 17 ปี ซึ่งเป็นลูกคนเล็กของบ้าน และกำลังศึกษาใน ร.ร.ศาสน์สามัคคี ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงขันอาสา “คุ้มครองความปลอดภัย” ให้ผู้เป็นพ่อเสมือนเงาตามตัว โดยไม่เกรงกลัวภัย อันตรายที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามจ้องหาโอกาสที่จะลงมืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ฮัมรัน บอกว่า หลังจากพ่อถูกซุ่มโจมตีจนเฉียดตายมาแล้วถึง 2 ครั้ง เขาจึงเริ่มหัดจับปืนครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะต้องการคุ้มครองความปลอดภัยของพ่อ ซึ่งต้องออกตรวจตราพื้นที่อยู่ทุกวัน
เขารู้ดีว่า ลำพังความกล้าเพียงอย่างเดียวคงไม่พอที่จะปกป้องชีวิตของผู้เป็นบิดาให้พ้น ภัย อันตรายได้แน่ เพราะวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป และศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่อยู่ในระดับธรรมดา เพราะแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยังตกเป็นเหยื่อสังเวยความรุนแรงให้เห็นมาแล้ว นับไม่ถ้วน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจเสริมทักษะการป้องกันตัว และการใช้อาวุธจาก “หน่วยรบพิเศษ” นานกว่า 1 สัปดาห์ โดยเป็น “หลักสูตรเร่งรัด” แต่ก็ต้องผ่านการฝึกหนักชนิด “แทบคลานกลับบ้าน” หลังจบคอร์ส
“ผมตั้งใจฝึกหนักชนิดที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต เพราะตั้งใจว่าจะดูแลพ่อให้ได้อย่างสมภาคภูมิ ไม่ใช่ได้ชื่อว่ามีโอกาสถือปืน เพราะเป็นลูกผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น” ฮัมรัน กล่าวด้วยความมุ่งมั่น
หนุ่มน้อย ซึ่งเป็นทายาทของผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็กแห่งบ้านควนลาแม ย้ำว่า ชีวิตของผู้เป็นพ่อทุกวันนี้ยิ่งกว่าแขวนไว้บนเส้นด้าย เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่มีวันรามือแน่
ยิ่งคำประกาศกลางมัสยิดหมู่บ้านของพ่อ ซึ่งเหมือนระบุว่า สิ่งที่ใครบางคนในชุมชนกำลังทำอยู่เป็นสิ่งที่ขัดต่อบทบัญญัติของศาสนาอย่าง สิ้นเชิง…มันเหมือนเป็นการ “ประกาศสงคราม” อย่างชัดแจ้ง
“ผมรู้ว่าการแสดงจุดยืนของพ่อยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นไม่เลิกแน่” ฮัมรัน กล่าวด้วยความวิตก
กระนั้น ถึงจะต้องเผชิญกับอันตรายสักเพียงใด แต่ฮัมรันก็พร้อมจะยืนเคียงข้างพ่อเสมอ แม้จะรู้ดีว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมอย่างไรบ้าง
“ผมรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่พ่อสอนให้เรารู้จักว่าการใช้ชีวิตภายใต้บัญญัติ หลักศาสนาที่ถูกต้อง และเที่ยงแท้นั้นเป็นอย่างไร” ฮัมรัน แน่วแน่ที่จะสืบทอดปณิธานของผู้เป็นพ่ออย่างเต็มที่
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งฮัมรัน “รู้ซึ้ง” จากประสบการณ์เฉียดตายของพ่อคือคำว่า “เพื่อนแท้” แท้จริงเป็นเช่นไร
“หลายคนในหมู่บ้านถูกชักจูงให้เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในจำนวนนั้นก็มีเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วย แม้แต่คนที่มายิงพ่อก็รู้จักกันดี วันนี้จึงพอจะนับหัวได้ว่า ใครคือมิตรแท้ของเรา”นอกเหนือจากการคอยระวังภัยให้พ่อแล้ว ทุกวันนี้เขายังร่วมภารกิจลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยภายในหมู่บ้านร่วมกับ ชรบ. เพื่อดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ โดยเฉพาะในละแวกบ้าน ส่วนในยามว่างจากภารกิจอื่นๆ แล้ว หนุ่มน้อยจะไม่ไปไหนไกลบ้าน เพราะสมาชิกในครอบครัวก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากไม่แพ้กัน
“องค์อัลเลาะห์กำหนดเอาไว้แล้วว่าสิ่งที่กำลังทำขณะนี้เป็นหน้าที่ของบุตร ที่พึงมีต่อบิดามารดาตามหลักคำสอนทุกศาสนามิใช่หรือ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครยอมให้คนอื่นมาทำร้ายชีวิตผู้มีพระคุณเหมือนที่ผมกำลัง ทำอยู่ในทุกวันนี้แน่นอน” ฮัมรัน กล่าวทิ้งท้ายด้วยความมุ่งมั่น
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/73121.html